เมนูนำทาง
เฮนรี อานิเยร์
อานิเยร์มาจากทีมเยาวชนของฟลอรา ต่อมาในฤดูกาล 2007 เขาถูกปล่อยยืมตัวให้แก่วอร์ริเออร์ สโมสรใน Esiliiga ซึ่งเขาทำ 13 ประตูจากการลงเล่นในลีก 24 นัด ต่อมาในเดือนมกราคม ค.ศ. 2008 เขาได้เลื่อนขึ้นสู่ทีมชุดแรกของฟลอรา[1] เขาได้ลงเล่นนัดแรกให้แก่ทีมใน Meistriliiga (ลีกสูงสุดของเอสโตเนีย) เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 2008 ซึ่งนัดนั้นทีมเปิดบ้านเสมอกับ Nõmme Kalju 1–1 ต่อมาในวันที่ 29 มีนาคม ค.ศ. 2008 เขาทำประตูช่วยให้ทีมบุกไปเอาชนะ Tallinna Kalev 3–0 ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดของสโมสรที่สามารถทำประตูได้ใน Meistriliiga ด้วยวัยเพียง 17 ปี 103 วัน[2] เดือนสิงหาคม ค.ศ. 2009 อานิเยร์ได้ย้ายไปซัมป์โดเรียในอิตาลีด้วยสัญญายืมตัวหนึ่งฤดูกาล[3]
อานิเยร์กลับสู่ฟลอราในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2010 เขาทำ 13 ประตูจากการลงเล่น 16 นัด ช่วยให้ทีมชนะเลิศ Meistriliiga ในฤดูกาล 2010 นับเป็นแชมป์ลีกสมัยแรกของเขา[4] ต่อมาในฤดูกาล 2011 เขาพาทีมชนะเลิศเป็นครั้งที่สองของเขา โดยเขาทำประตูให้แก่สโมสรทั้งสิ้น 21 ประตู[5]
วันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2011 อานิเยร์เซ็นสัญญากับไวกิง สโมสรในลีกสูงสุดของนอร์เวย์[6] เขาลงเล่นนัดแรกในลีกเมื่อวันที่ 26 มีนาคม ค.ศ. 2012 ซึ่งในนัดนั้น ทีมบุกไปเสมอกับ Sandnes Ulf 2–2[7]
วันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 2013 เขาถูกปล่อยยืมตัวให้แก่ Fredrikstad สโมสรใน Adeccoligaen จนถึงวันที่ 15 กรกฎาคม[8]
วันที่ 29 กรกฎาคม ค.ศ. 2013 อานิเยร์ได้ย้ายไปร่วมทีมมาเธอร์เวลในสกอตติชพรีเมียร์ชิปด้วยสัญญายืมตัว 6 เดือน การย้ายตัวครั้งนี้ได้รับคำแนะนำจากเพื่อนร่วมทีมอย่าง Henrik Ojamaa ซึ่งย้ายออกจากสโมสรในเดือนก่อนหน้า[9][10] เขาลงเล่นนัดแรกให้แก่สโมสรอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 2013 ในนัดที่แพ้คูบานครัสโนดาร์ 0–2 ในเลกแรกของยูฟ่ายูโรปาลีก ฤดูกาล 2013–14 รอบคัดเลือกรอบที่สาม[11] เขาลงเล่นนัดแรกในสกอตติชพรีเมียร์ชิปเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ. 2013 โดยลงเล่นเป็นตัวสำรองแทนที่ โรเบิร์ต แม็กฮิวจ์ ในนาทีที่ 69 และทำประตูชัยช่วยให้ทีมบุกชนะไฮเบอร์เนียน[12] ต่อมาในวันที่ 10 มกราคม ค.ศ. 2014 เขาเซ็นสัญญาถาวรกับสโมสรด้วยสัญญา 2 ปีครึ่ง[13][14] เขายิง 9 ประตูจากการลงเล่นใน 37 นัดในฤดูกาล 2013–14
วันที่ 19 มิถุนายน ค.ศ. 2014 อานิเยร์กับน้องชายของเขา ฮันเนส ได้เซ็นสัญญา 3 ปีกับ Erzgebirge Aue สโมสรในซไวเทอบุนเดิสลีกา[15][16] เขาลงเล่นนัดแรกให้แก่สโมสรเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 2014 ในนัดที่เปิดบ้านแพ้เฟาเอ็ฟเอ็ล โบคุม 1–5[17] เขาได้ลงเล่นให้แก่สโมสรทั้งสิ้น 8 นัด อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถสอดแทรกเป็นตัวจริงในทีมชุดแรกภายใต้การคุมทีมของผู้จัดการทีมคนใหม่ Tomislav Stipić[18]
วันที่ 15 มกราคม ค.ศ. 2015 อานิเยร์เซ็นสัญญา 2 ปีครึ่งกับดันดียูไนเต็ดในสกอตติชพรีเมียร์ชิป[19] เขาได้ลงเล่นนัดแรกให้แก่สโมสรเมื่อวันที่ 21 มกราคม ค.ศ. 2015 ในนัดที่เสมอกับเซนต์มีร์เรน 1–1[20]
หลังจากที่ดันดีตกชั้นจากพรีเมียร์ชิปหลังจบฤดูกาล 2015–16 วันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 2016 เขาได้แยกทางกับสโมสรด้วยความยินยอมร่วมกัน[21]
วันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 2015 อานิเยร์ถูกปล่อยยืมตัวให้แก่ไฮเบอร์เนียนในสกอตติชแชมเปียนชิปเป็นระยะเวลาหนึ่งฤดูกาล[22] อย่างไรก็ตาม วันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 2016 เขาถูกเรียกกลับต้นสังกัดอย่างดันดี เพื่อมาช่วยให้ทีมรอดพ้นจากการตกชั้น[23]
วันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ. 2016 อานิเยร์เซ็นสัญญากับคัลมาร์ เอฟเอฟ สโมสรในอัลสเว็นสกันของสวีเดน[24] เขาได้ลงเล่นนัดแรกในลีกเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 2016 ในนัดที่เปิดบ้านเสมอกับมัลเมอ เอฟเอฟ 1–1 ต่อมาในวันที่ 17 กันยายน ค.ศ. 2016 เขาทำประตูแรกในนามสโมสรช่วยให้ทีมเอาชนะออสเตอร์ซุนด์ส 2–0[25]
วันที่ 16 มกราคม ค.ศ. 2017 อานิเยร์ย้ายไปเล่นฟุตบอลในสกอตแลนด์อีกครั้ง โดยเซ็นสัญญากับอินเวอร์เนสคาเลโดเนียนทิสเทิลจนจบฤดูกาล 2016–17[26] เขาลงเล่นนัดแรกให้แก่สโมสรเมื่อวันที่ 21 มกราคม ช่วยให้ทีมบุกเอาชนะเอลจินซิตี 2–1 ในรอบที่ 4 ของสกอตติชคัพ[27]
วันที่ 10 กรกฎาคม ค.ศ. 2017 อานิเยร์เซ็นสัญญาหนึ่งปีครึ่งกับลาตี สโมสรในไวเคาส์ลีกา[28]
วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 อานิเยร์เซ็นสัญญากับซูว็อนในเกาหลีใต้[29]
วันที่ 4 มกราคม ค.ศ. 2022 เมืองทอง ยูไนเต็ดได้บรรลุข้อตกลงในการคว้าตัวของอานิเยร์ นับเป็นการซื้อตัวผู้เล่นในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายเลกที่สองของไทยลีก ฤดูกาล 2564–65[30] ต่อมาในวันที่ 26 มกราคม เขาทำประตูแรกในนามสโมสรในไทยลีก ช่วยให้ทีมบุกไปเอาชนะราชบุรี มิตรผล 1–0[31]
เมนูนำทาง
เฮนรี อานิเยร์ใกล้เคียง
แหล่งที่มา
WikiPedia: เฮนรี อานิเยร์